if คือโครงสร้างควบคุมพื้นฐานที่หมายถึง “ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง ให้ทำสิ่งนี้”
score = 80
if score >= 70:
print("สอบผ่าน")
บรรทัดที่เยื้องจะทำงานเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
อินเดนต์คือส่วนหนึ่งของไวยากรณ์ Python ยึด 4 ช่องว่างเสมอ และอย่าผสมแท็บกับสเปซ
if-else และ if-elif-else #
ใช้ else เมื่ออยากบอกว่าจะทำอะไรเมื่อเงื่อนไขไม่เป็นจริง
if score >= 70:
print("สอบผ่าน")
else:
print("ต้องปรับปรุง")
ถ้ามีหลายเงื่อนไขใช้ elif
if score >= 90:
print("ระดับ S")
elif score >= 80:
print("ระดับ A")
elif score >= 70:
print("ระดับ B")
else:
print("ปรับปรุง")
elifย่อจาก “else if” ทดสอบจากบนลงล่าง จัดเงื่อนไขจากแคบไปกว้างจะอ่านง่ายขึ้น
การซ้อนบล็อก (Nested) #
สามารถวาง if ภายใน if ได้
if temperature > 0:
if temperature >= 37.5:
print("มีไข้")
else:
print("อุณหภูมิปกติ")
else:
print("ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง")
ถ้าเนสติ้งลึกเกินไป ให้แยกเงื่อนไขออกเป็นฟังก์ชันย่อยหรือรีเทิร์นเร็วเพื่อให้โค้ดโปร่ง
ลองทำดู #
- รับคะแนน ถ้า ≥ 90 พิมพ์ “ยอดเยี่ยม”, ถ้า 80–89 พิมพ์ “เกือบได้”, อื่น ๆ พิมพ์ “สู้ต่อไป”
- รับอายุและสถานะสมาชิก (ทั่วไป / พรีเมียม) แล้วคำนวณค่าตั๋วหนังตามกติกาที่คุณกำหนด (เช่น ต่ำกว่า 12 ปีฟรี, สมาชิกพรีเมียมลดราคา ฯลฯ)